Saturday, September 27, 2014


เหรียญจิ๊กโก๋ใหญ่ 
 1.บล็อกเต็ม หรือบล็อกแรก
บล็อกแรกนั้นสร้างขึ้นในคราวที่ก่อตั้งมูลนิธิหลวงพ่อเงินในช่วงกลางปี 2506  แต่กระนั้นบล็อกเต็มบางเหรียญก็เชื่อว่าอาจถูกสร้างขึ้นในการแจกกฐินของพลเองจิตติด้วย เชื่อว่าเหรียญแรกๆ ที่ปั๊มครั้งนั้นน่าจะยังมีความสมบูรณ์รวมถึงอาจจะเริ่มเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ว่ากันด้วยคำว่าบล็อกเต็มนั้นได้รับชื่อมาจาก บรรดาตัวหนังสือด้านหลังของเหรียญนั้นยังมีความสมบูรณ์มาก ไม่มีการขาด แตก เลือนเลย เนื่องจากแม่พิมพ์เพิ่งเริ่มสร้างไปไม่กี่เหรียญ จึงยังไม่ได้เสียหายมากนัก ซึ่งที่จริงแล้วนอกจากด้านหลังนั้น ด้านหน้าของบล็อกแรกเองก็มีความแตกต่างจากบล็อกอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจุดแบ่งแยกบล็อกของบล็อกเต็มให้พิจารณาดังนี้
ด้านหน้า ด้านหน้าบล็อกนี้มีเพียงบล็อกเต็มและบล็อก ว.ขาดบางเหรียญเท่านั้นที่เหมือนกัน นอกจานั้นรุ่นอื่นๆ และบล็อกอื่นๆ ได้เปลี่ยนเป็นอีกบล็อกไปแล้ว นั่นคือบล็อกเต็มนั้น ด้านหน้าจะไม่มีเส้นแตก 2 เส้นที่ขนานกันบริเวณชายจีวรที่แขนซ้ายองค์หลวงพ่อ และเส้นรัดประคตด้านซ้ายลำตัวหลวงพ่อ เรียกด้านหน้านี้ว่าบล็อกแรก ซึ่งบล็อกอื่นๆ จะมีเส้นแตกนี้ทั้งหมดเรียกว่าบล็อกสอง เพราะบล็อกด้านหน้าได้รับความเสียหายจากการปั๊มหลายครั้งนั่นเอง โดยบล็อกเต็มนั้นด้านหน้าจะมีเฉพาะบล็อกแรกแน่นอน
ด้านหลัง ส่วนด้านหลังของบล็อกเต็มดังที่ได้แจ้งแล้วว่าจะไม่มีตัวหนังสือใดขาดปั๊มไม่ติด หรือมีเส้นแตกในบล็อก ซึ่งต้องแจ้งก่อนว่าบล็อกอื่นๆ จุดที่ขาดและแตกนั้นมีตรงใด เพื่อจะได้ทราบจุดสังเกตของบล็อกเต็มนั่นเอง โดยบล็อก ว ขาดนั้น ว แหวนของคำว่า วัด ดอนยายหอม ตรงปลายหางจะขาด ปั๊มไม่ติด เหนือติดไม่เต็มนั่นเอง ซึงบางเหรียญ อาจจะมี ณ เณร ตรงคำว่า พระราชธรรมา ภรณ์บริเวณด้านบรจะขาด ปั๊มไม่เต็มด้วยก็มี บางทีมีการแยกเป็นบล็อก ว.ขาด ณ.ขาด ไปอีก ส่วนบล็อก น.แตก มีเส้นแตกทับตัว น.หนู ตรงคำว่า นครปฐม ดังนั้นบล็อกเต็มจึงต้องพิจารณาตามจุดดังนี้ก่อนว่ามีเส้นขาดหรือไม่ หากมีแล้วก็ไม่ใช่บล็อกเต็มแน่นอน
อนึ่งบล็อกเต็มนี้ บางเหรียญจะมีการทำปั๊ม ว.แหวน และ ณ.เณรนั้นไม่เต็ม แต่ยังไม่ถึงกับขาดหรือไม่ติดเลย และด้านหน้ายังเป็นบล็อกแรกอยู่ ทำให้หลายคนยังถือว่าชุดนี้เป็นบล็อกเต็มด้วย
ส่วนของบล็อกมูลนิธิเองจะเหมือนกับบล็อกเต็มมากคือไม่มีอะไรขาดเลย แต่บล็อกเต็มนั้นเลข ๖ ตรงปี ๒๕๐๖ นั้น หัวจะมีลักษณะ คล้ายหยดน้ำตะแคง หรือแหลมเป็นหยดน้ำ และปลายหางเลข ๖ จะมีลักษณะเกือบตั้งฉากกับท้องของเลข ๖ นั่นเอง ซึ่งจะต่างกันกับบล็อกมูลนิธิ ที่จะอธิบายต่อไป ซึ่งที่จริงรายละเอียดอื่นๆ ที่ต่างกันก็มี เช่นการเจาะหูของบล็อกเต็มจะมีขนาดรูที่กว้างกว่า หรือตัวหนังสือและลายพัดยศบล็อกเต็มที่ชัดกว่า แต่ตรงนี้เห็นว่าเลข ๖ นี้ดูจะต่างกันมากที่สุด 


เหรียญโก๋ยันหมื่นพระครูสมุทร์อวยพร  ของวัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม 

          เป็นเหรียญที่จัดทำขึ้นมาเพื่อที่จะฉลองครบรอบอายุครบ 5 รอบของพระครูสมุทร์อวยพร  ซึ่งเป็นเหรียญที่จัดขึ้นมาจำนวนที่ไม่มากนัก  เพราะเป็นเหรียญที่จัดขึ้นมาเพื่อที่จะฉลองครบรอบอายุเท่านั้น  แต่เนื่องจากที่พระครูสมุทร์อวยพรมีลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทราในตัวของพระครูอวยพรทั้งสิ้นทำให้เริ่มมีการหาพระเครื่องชุดนี้เพื่อที่จะสะสม  แต่ด้วยที่บารมีของท่านพระครูอวยพรมีมากทำให้คนที่เเขวนพระรุ่นนี้ได้ประประสบอุบัติเหตุแต่อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่สามารถทำอะไรคนที่แขวนพระได้  เนื่องจากบารมีของหลวงพ่อท่านคุมครองทำให้ข่าวกระจายออกไปอย่างกว้างขวางมาก  ทำให้ผู้ที่ได้ยินข่าวต่างหาพระเครื่องชุดนี้มาสะสมกัน  แต่ด้วยที่พระเครื่องเหรียญโก๋ยันหมื่นพระครูสมุทร์อวยพร  มีจำนวนน้อยมากทำให้ราคาพระเครื่องเหรียญโก๋ยันหมื่นพระครูสมุทร์อวยพร  มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเวลานี้ราคาขึ้นไปเหยียบหลักหมื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


Saturday, January 25, 2014

เหรียญพัดยศหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
         หลวงปู่เพิ่มแห่งวัดกลางบางแก้ว ท่านเป็นศิษย์แห่งหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว สุดยอดเกจิระดับตำนานของเมืองไทย ในส่วนตัวหลวงปู่เพิ่มนั้นท่านเป็นพระที่สมถะอยู่ในธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดและยังเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์เป็นอย่างมาก จนชาวบ้านในสมัยนั้นต่างนับถือบูชาท่านไม่แพ้ในยุคของหลวงปู่บุญเลยทีเดียว นอกจากนี้ท่านยังมีชื่อเสียงด้านวิชาอาคมและพลังจิตที่สูงส่ง พระเครื่องของท่านล้วนเข้มขลังและศักสิทธ์ยิ่งนัก และนี้คือหนึ่งในประสบการณ์ของผู้ที่บูชาพระเครื่องของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว
เหรียญพัดยศหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ด้านหลัง
         คุณครูแสวง สินยังผล เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลังจากมาบวชกับหลวงปู่เพิ่มแล้วก็ได้แขวนเหรียญพัดยศ ของหลวงปู่เพียงเหรียญ เดียวเท่านั้น เพราะหาเหรียญรุ่นแรกไม่ได้ประกอบกับชอบ เหรียญรุ่นนี้เพราะมีความสวยงาม จึงอัดพลาสติกแขวนคอประจำ มีประสบการณ์ทางด้านเมตตามหานิยมดีมากจนตนเองประหลาดใจ และมีอยู่ครั้งหนึ่งขณะขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ตอนเช้าจะไปสอนหนังสือ รถบรรทุกสองคันวิ่งแซงกันมาสวนกับจักรยานยนต์ ของคุณแสวงสุดวิสัยจะหักหลบทัน ปรากฏว่ารถบรรทุกคันที่แซงมาแทนที่จะเลือกชน จักรยานยนต์ของคุณแสวงกลับหัก เข้าหารถบรรทุกด้วยกันชนกันสนั่นหวั่นไหวตกลงไปข้างถนนทั้งคู่ คนขับรถบรรทุกคันที่แซงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่คนขับรถคันที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัส พอดีกับตำรวจจราจรอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นมาทันเหตุการณ์ คนขับรถคันที่แซงจึงหนีไม่ทันโดนจับไป คุณแสวงเล่าต่อไปว่า เขาหยุดดูเหตุการณ์ตลอดจนตำรวจจับคนขับรถก็เข้าไปดู และได้ยินคนขับพูดว่าเขากลัวจะชนต้นไม้ใหญ่ จึงหักเข้าไปชนรถบรรทุกอีกคัน หนึ่งซึ่งเขาแซงขึ้นมา แต่เมื่อชนแล้วขึ้นมาดูก็แปลกใจว่าบริเวณนั้น ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยแม้แต่ต้น เดียวทำไมเขาจึงเห็นมีต้นไม้ใหญ่ได้ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมาก คุณครูแสวงเล่าว่าตัวเขาเองขณะเกิดเหตุการณ์นั้น ตกใจมากหักหลบไม่ทันในใจนึก ว่าแหลกเหลวแน่ แต่ก็พ้นเหตุการณ์วิกฤตมาได้ด้วยบารมี ของเหรียญพัดยศหลวงปู่เพิ่มที่แขวนในคอ เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Hello Bangkok ครับ
         เหรียญพัดยศหลวงปู่เพิ่มนี้ถ้าตามหนังสือก็ต้องบอกว่าสร้างเนื้อเงิน 90 องค์และเนื้อทองแดงกระไหล่ทอง 3000 องค์ครับแต่จากการพูดคุยกับเซียนพระในวัดกลางบางแก้ว ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนทำเหรียญนี้ถวายหลวงปู่เพิ่มเอง ท่านบอกว่า ตอนนั้นเห็นพัดยศของหลวงปู่แล้วคิดว่าสวยดีจึงปรึกษาพระครูใบว่าจะทำเหรียญรูปพัดยศหลวงปู่ขึ้นมารุ่นหนึ่ง พระครูใบก็เห็นด้วยจึงตัดสินใจสร้างเหรียญรุ่นนี้ขึ้นมา โดยเหรียญรุ่นนี้ทำเนื้อเงินออกมา 90 เหรียญจริง ตอนแรกกะจะทำมากกว่านั้นแต่เนื้อเงินหมดเลยทำได้แค่นั้น ส่วนทองแดงกระไหล่ทองนั้นท่านบอกว่าสร้างได้ราว 1500 เหรียญไม่เกินนั้นเพราะสมัยนั้นไม่มีเงิน จะไปเอาเงินที่ไหนมาทำตั้ง 3000 เหรียญ (นี้เป็นคำบอกเล่าของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคนสร้างเหรียญนี้ถวาย ทางเว็บไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจจึงนำมาบอก ผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้)
         เหรียญพัดยศหลวงปู่เพิ่มเป็นเหรียญที่แกะออกมาได้สวยงามมากครับ แต่ที่สำคัญคือเหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์ด้านเมตตามหานิยมสูงมาก พวกข้าราชการชอบมากเพราะเชื่อว่าช่วยเพิ่มยศเพิ่มเพิ่มศักดิ์ได้ เมื่อราวๆ 2-3 ปีก่อนที่วัตถุมงคลของหลวงปู่เพิ่มแรงมากๆนั้น เหรียญรุ่นนี้สวยๆราคาเนื้อเงินเปิดมา 4 แสนคนแย่งซื้อกันเหมือนให้ฟรีเลยครับ ในขณะที่เหรียญทองแดงกระไหล่ทองตอนนั้นขึ้นไปถึง แสนนิดๆมาแล้ว แต่ในขณะนี้กระแสหลวงปู่เพิ่มท่านเงียบๆอยู่ราคาเลยถอยลงมาหน่อยครับ
 เหรียญอยุธยาทรงเครื่อง หลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้ว
      เหรียญอยุธยาทรงเครื่อง หลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้วนั้นถูกสร้างขึ้นในปี 2518 พร้อมกับเหรียญรุ่น 5 ของหลวงปู่เพิ่มนั้นเอง โดยพระปลัดใบได้จำลองแบบจากพระไม้แกะเก่าแก่ของวัดกลางบางแก้วแล้วให้อาจารย์อวบ สาณะเสน เป็นผู้ออกแบบลายซุ้มแม่พิมพ์  ส่วนด้านหลังขององค์พระเป็นยันต์ “เฑาะว์ขึ้นยอด” แล้วมีอักษรไทยเขียนว่า “หลวงปู่เพิ่ม อายุ 90 ปี ว.ก.” คำว่า “ว.ก.” หมายถึงวัดกลางบางแก้วนั้นเอง เหรียญรุ่นนี้มีจำนวนการสร้าง 2,000 องค์ โดยทำออกมาแค่เนื้อทองแดงเท่านั้นจ เสร็จแล้วจึงนำให้หลวงปู่เพิ่มปลุกเสกพร้อมกับเหรียญรุ่น 5
      ตอนราคาแรงๆเมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้นอยุธยาทรงเครื่องนี้เล่นกันประมาณ 5,000-6,000 บาทเลยครับ แต่ตอนนี้กระแสค่อนข้างเงียบราคาเลยถอยลงมาที่ประมาณ 3,000 บาทบวกลบครับ
        สำหรับเหรียญอยุธยาทรงเครื่องเหรียญนี้สวยคมครับ พระไม่ได้ใช้เลยแต่เก็บรักษาไม่ดีผิวไฟเลยหายไปพอสมควร ด้วยจำนวนการสร้างที่น้อยนิดและการออกแบบที่สวยงาม พร้อมกับได้รับการปลุกเสกจากหลวงปู่เพิ่ม พระรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่น่าใช้น่าเก็บเป็นอย่างมากครับ
เหรียญอยุธยาทรงเครื่อง หลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้ว ด้านหลัง
เหรียญยันต์ดวง หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ด้านหน้า
       เหรียญยันต์ดวงหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วหรือที่บางคนเรียกว่า “เหรียญยันต์ดวงเพชฌฆาตฤกษ์” นั้นถูกสร้างขึ้นในปี 2520 ครับ บางคนพอฟังชื่อเหรียญแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆว่าทำไม่ถึงตั้งชื่อเหรียญแบบนี้ ขอเรียนว่าเพชฌฆาตฤกษ์นั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนักฆ่านะครับ แต่เพราะปลุกเสกเหรียญในช่วงเพชฌฆาตฤกษ์อันเป็นฤกษ์กำเนิดขององคุลีมาล ซึ่งว่าเป็นฤกษ์ที่แข็งที่สุด โดยหลวงปู่เพิ่มต้องการเน้นหนักไปในด้านการป้องกันตัวแก่ผู้ใช้บูชา โดยเฉพาะรุ่นนี้ที่ว่ากันว่าสร้างขึ้นเพื่อแจกทหารกับตำรวจครับ ส่วนดวงด้านหลังเหรียญนั้นเป็นดวงเกิดของหลวงปู่เพิ่มครับ เหรียญรุ่นนี้จึงเรียกกันติดปากว่าเหรียญยันต์ดวงเพชฌฆาตฤกษ์ครับ
เหรียญยันต์ดวง หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ด้านหลัง
         เหรียญรุ่นนี้มีด้วยกัน 2 พิมพ์นะครับคือพิมพ์มีช่อและไม่มีช่อ โดยพิมพ์มีช่อมีเนื้อเงินที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 40,000-50,000 บาท เนื้อทองแดงกระไหล่ทองที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 10,000-15,000 บาท และทองแดงรมดำจะมีราคาถูกกว่านิดหน่อยครับ ส่วนพิมพ์ไม่มีช่อนั้นเคยเห็นแต่ทองแดงกระไหล่ทองครับ ถือเป็นของหายากเหมือนกัน ราคาว่ากันราวๆ 30,000-40,000 บาทเลยทีเดียว
        ประสบการณ์เหรียญรุ่นนี้เด่นเรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยตามฤกษ์ที่ปลุกเสกครับ แต่ในขณะเดียวกันก็เด่นเรื่องเสริมดวงกลับร้ายเป็นดีเช่นกัน ถ้าใครที่อยากได้สะดุ้งกลับของหลวงปู่บุญมาบูชากลับร้ายเป็นดีแต่ไม่มีเงินมากพอ เหรียญนี้ก็เป็นตัวแทนกันได้แบบไม่อายใครครับ
เหรียญเจ้าสัว2 เนื้อนวะโลหะ วัดกลางบางแก้ว
        ถ้าพูดถึงพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเป็นที่ปราถนามากที่สุดในพระเครื่องสายนครปฐมทั้งหมด เหรียญหล่อเจ้าสัวหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วต้องอยู่ในรายการอย่างแน่นอน แต่ราคาปัจจุบันไปไกลถึงหลักล้าน เนื้อเงินสวยๆ 2 ล้านบาทยังซื้อไม่ได้ ทำให้เหรียญหล่อเจ้าสัวกลายเป็นพระเครื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับใครหลายๆคนไปแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการเหรียญเจ้าสัวมาใช้เพิ่มโชคลาภเงินทองจริงๆ เหรียญเจ้าสัว2 ก็เป็นเหรียญที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
         เหรียญเจ้าสัว2 ถูกสร้างในปี พ.ศ.2535 เพื่อสมทบทุนพิพิธภัณฑ์พระพุทธวิถีนายก การสร้างครั้งนั้นมี พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมีการดำเนินการ วิธีการและการจัดสร้าง ดังต่อไปนี้
         เหรียญเจ้าสัว ตำรับหลวงปู่บุญ ซึ่งวัดกลางบางแก้วได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้นในครั้งนี้ได้นำตำรับของหลวงปู่บุญมาปฏิบัติการตามขั้นตอนต่างๆ อย่างครบถ้วน โดยมีท่านพระครูสิริชัยคณารักษ์ (สนั่น) เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี และเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเป็นผู้ดำเนินการ
         พระอาจารย์เจือ ปิยะสีโล ศิษย์หลวงปู่เพิ่ม ผู้รับการถ่ายทอดพุทธาคมมาจากหลวงปู่บุญ อันถือว่าได้สืบทอดวิทยาคมมาจากหลวงปู่บุญเป็นผู้จารอักขระแผ่นยันต์ตามตำรับเหรียญเจ้าสัว อันประกอบด้วยยันต์ต่างๆ มากมาย เช่น ยันต์มหาโภคทรัพย์ 109 ยันต์มหาเศรษฐี เรือนเงิน-เรือนทอง ยันต์มหาลาภสังกัจจายน์ ยันต์มหาวาสนาบารมี 16 พระอรหันต์ และยันต์พระพุทธเจ้าตรึงไตรภพ เป็นต้น หล่อหลอมรวมกับชนวนโลหะพระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญ ตลอดจนตะกรุด ทองคำ เงิน และทองแดงของหลวงปู่บุญ ซึ่งตกค้างอยู่ในกุฏิเก่าของท่าน นอกจากนี้ ยังได้รับชนวนพระสำคัญ และยันต์จากคณาจารย์ต่างๆ มากมายมาร่วมผสมในเนื้อโลหะของเหรียญเจ้าสัวรุ่นนี้ด้วยมากมาย
       แผ่นยันต์ ตลอดจนชนวนโลหะทั้งหมดได้ทำการหล่อหลอมรวมเนื้อ เพื่อนำไปสร้างเหรียญเจ้าสัวทองคำ เงิน นวโลหะ และทองแดง ในวันอังคารที่ 14 เมษายน 2535 เวลา 07.19 น. อันได้ตำแหน่ง “มหัทธโนฤกษ์” คือ “ฤกษ์แห่งผู้มีทรัพย์” ณ วัดกลางบางแก้ว ท่ามกลางพิธีกรรมอันถูกต้อง
         ลักษณะของเหรียญด้านหน้าเหมือนเหรียญเจ้าสัวหลวงปู่บุญทุกประการ ซึ่งได้ถอดแบบจากองค์ที่งดงามที่สุด ซึ่งมีค่าหลายแสนบาทในสมัยนั้น ซึ่งพอถอดเสร็จแล้วเหรียญนั้นถึงกับเสียหายไปพอสมควรเลยทีเดียว ด้านหลังเหรียญบรรจุพระคาถามหาโภคทรัพย์ของหลวงปู่บุญคือ “อะระหัง ภควา นะชาลีติ”
จำนวนการจัดสร้าง ซึ่งเหรียญแต่ละชนิดมีจำนวนการสร้าง ดังนี้
1. เหรียญเจ้าสัวทองคำ 700 เหรียญ
2. เหรียญเจ้าสัวเงิน 6,685 เหรียญ
3. เหรียญเจ้าสัวนวโลหะ 7,230 เหรียญ
4. เหรียญเจ้าสัวทองแดง 9,000 เหรียญ
นอกจากนี้ยังได้มีการตอกโค๊ดเพื่อกันการปลอมแปลงในอนาคตอีกด้วย
       เหรียญเจ้าสัว ตำรับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว รุ่น 2 เนื้อนวโลหะ ปี 2535 ในเรื่องของพุทธคุณนั้น เด่นทางด้านโชคลาภ ทำมาค้าขาย และทางด้านแคล้วคลาดอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ห้อยบูชาเหรียญเจ้าสัวแล้วทำมาหากินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทุกคน จึงได้รับสมญานามว่าเหรียญเจ้าสัว อย่างในสมัยก่อนนั้น ผู้ที่มีเหรียญนี้ไว้ล้วนแต่อุดมด้วยโชคลาภ ทรัพย์สินพูนทวีมีฐานะ เขาจึงมักเรียกเหรียญนี้กันว่า “เหรียญเจ้าสัว” ครับ
       ปัจจุบันเหรียญเจ้าสัว2 ทุกเนื้อได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มูลค่าเพิ่มขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป เนื้อทองตอนนี้ (กรกฏาคม 2555) ราคาอยู่ที่ 3-4 แสน เนื้อเงินอยู่ที่ 3-4 หมื่น เนื้อนวะโลหะหมื่นกว่าถึงสองหมื่นกว่าๆ เนื้อทองแดงอยู่ที่ 8-9 พันบาท
ขมิ้นเสกหลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้ว พิมพ์นาคปรก
      หากใครเคยไปกราบหลวงปู่เพิ่มที่วัดกลางบางแก้วแล้ว ท่านย่อมจำได้ถึงใบหน้ายิ้มแย้มที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาของหลวงปู่เพิ่มอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากความเมตตาแล้วความกตัญญูกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ของท่านก็สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากเวลาจะประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ท่านจะบอกให้ลูกศิษย์กราบไหว้รูปหล่อหลวงปู่บุญซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านก่อน โดยท่านบอกว่าน้ำมนต์นี้เป็นของหลวงปู่บุญ ให้ขอพรจากหลวงปู่บุญด้วย ถือเป็นภาพแห่งความประทับใจที่ยังจารึกอยู่ในความทรงจำของลูกศิษย์ตลอดมา
        พูดถึงพระเครื่องของหลวงปู่เพิ่มนั้นมีมากมายหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทั้งด้านแคล้วคลาดปลอดภัยและเมตตามหานิยม เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนลุ่มน้ำนครชัยศรีมาช้านาน ซึ่งหนึ่งในพระเครื่องของท่านที่มีประสบการณ์มากก็คือพระผงขมิ้นเสกนั้นเอง
        ในการสร้างพระผงขมิ้นเสกนั้นต้องกล่าวไปถึงสมัยที่หลวงปู่บุญยังคงสังขารอยู่ ในสมัยนั้นหลวงปู่บุญท่านได้เอาหัวขมิ้นมาลงอักขระและปลุกเสกบ่อยๆ ครั้งละไม่มากนัก เมื่อลงอักขระและปลุกเสกเสร็จแล้ว ก็เอาหัวขมิ้นนั้นใส่เอาไว้ในโถเคลือบ ซึ่งท่านว่าจะเอาไว้สร้างพระขมิ้นเสก แต่หลวงปู่บุญท่านก็มรณภาพไปก่อนที่จะได้ทำพระขึ้นมา ขมิ้นที่อยู่ในโถนั้นจึงถูกทิ้งอยู่ตรงนั้นตลอดมา จนวันหนึ่งหลวงปู่เพิ่มท่านได้ไปเห็นขมิ้นในโถนั้นก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยเห็นหลวงปู่บุญเสกขมิ้นเป็นประจำ จึงได้นำเอาโถขมิ้นใบนั้นมาไว้ที่กุฏิและเอาหัวขมิ้นสดมาลงอักขระและปลุกเสกบ้าง โดยหลวงปู่เพิ่มได้ลงอักขระและเสกหัวขมิ้นครั้งละ 5 -10 หัวแล้วก็เอาหัวขมิ้นนั้นมาใส่ไว้ในโถใบนั้น โดยตั้งใจว่าเมื่อขมิ้นเต็มโถแล้วก็จะเอาขมิ้นนั้นมาบดเป็นผง สร้างพระเครื่องขมิ้นเสกขึ้นมา
ขมิ้นเสกหลวงปู่เพิ่มวัดกลางบางแก้ว พิมพ์นาคปรก 5 เหลี่ยม
        พอปี 2504 หลวงปู่เพิ่มท่านเห็นว่าขมิ้นเต็มโถแล้ว จึงได้เรียกพระปลัดใบไปพบและแจ้งความประสงค์ของท่านว่าจะทำพระเครื่องขึ้นมา โดยให้พระปลัดใบช่วยเอาขมิ้นในโถนี้ไปบดให้เป็นผงแล้วเอาไปพิมพ์เป็นองค์พระให้หน่อย พระปลัดใบก็ได้ดำเนินการตามที่หลวงปู่เพิ่มต้องการ แล้วจัดหาแม่พิมพ์พระเครื่องได้ 5 แบบ นำมาให้หลวงปู่เพิ่มพิจารณา ซึ่งหลวงปู่เพิ่มเห็นแล้วก็พอใจโดยเฉพาะแม่พิมพ์พระชัยวัฒน์ เพราะเห็นว่ามีหูมีตาชัดเจนดี ซึ่งแม่พิมพ์ทั้ง 5 แบบมีดังนี้
1.พิมพ์พระประทาน ปางมารวิชัย ฐานผ้าทิพย์
2.พิมพ์สมเด็จ ฐาน 5 ชั้น
3.พิมพ์นาคปรก กรอบสี่เหลี่ยม
4.พิมพ์นาคปรก กรอบห้าเหลี่ยม
5.พิมพ์ชัยวัฒน์ ฐานบัว
        โดยระหว่างตำผงขมิ้นนี้หลวงปู่เพิ่มได้ผสมผงต่างๆลงไปมากมายทั้งผงพุทธคุณของหลวงปู่บุญ ลูกอมสีขาวของหลวงปู่บุญ ผงแร่ของหลวงปู่บุญ ผงพระสมเด็จและผงพระสุพรรณเป็นต้น พอตำเสร็จแล้วจึงนำมากดเป็นแม่พิมพ์พระซึ่งพอเต็มถาดหนึ่งก็จะยกเอาไปไว้ที่กุฏิหลวงปู่เพิ่มซึ่งท่านก็จะปลุกเสกของท่านไปเรื่อยๆ พระที่เริ่มแห้งดีแล้วหลวงปู่เพิ่มท่านก็จะลงอักขระไว้หลังองค์ด้วยเหล็กจาร ซึ่งท่านลงด้วยตัวท่านเองทุกองค์
        ในตอนแรกนั้นหลวงปู่เพิ่มท่านตั้งใจว่าจะแจกตอนงานฌาปนกิจศพท่าน หลังจากท่านได้มรณภาพไปแล้ว แต่ในระหว่างที่หลวงปู่ท่านได้ปลุกเสกมาเรื่อยๆนั้น ท่านก็ได้หยิบเอาพระมาแจกแก่คนที่ไปหาท่านบ้างครั้งละ 1-2 องค์ หรือแจกกับพระที่มาลาสิกขากับท่านก็จะได้รับแจกกันไปคนละองค์สององค์ โดยหลวงปู่มักจะบอกกับคนรับพระนี้ว่า “เก็บไว้ให้ดีนะจ๊ะ” ท่านพูดของท่านอยู่อย่างนี้เสมอ ๆ ทำให้ผู้รับพระจากท่านเกิดความหวงแหนกันมาก